Asia Pacific - TH

ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

ตรวจสอบโลโก้
ความท้าทายของคุณคืออะไร?
ฟังก์ชันของกระจก

กระจกสมัยใหม่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น กระจกลดแสงสะท้อนไปจนถึงกระจกสี

สร้างด้วยกระจก

ไม่ว่าการก่อสร้างจะท้าทายแค่ไหน เราสามารถผลิตกระจกที่ตอบโจทย์ได้

กระจกสำหรับบ้านของคุณ

การเลือกกระจกที่เหมาะสมสามารถทำให้ ที่อยู่อาศัยและชีวิตความเป็นอยู่ ดีขึ้น

ไฮไลต์
Cube Berlin

เหล่าสถาปนิกของ 3XN ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางเรขาคณิตโดยคิดวิเคราะห์เป็นอย่างดี ซึ่งสร้างรูปแบบปริซึมของพื้นผิวแบบสามเหลี่ยม

ตึก Damac โดย Paramount

กระจกช่วยทำให้รู้สึกอยู่สบายในดูไบ

ทุกโครงการของเรา

ตั้งแต่โครงการก่อสร้างสถานที่สำคัญไปจนถึงการสร้างที่อยู่อาศัยสุดล้ำ นี่คือวิธีที่กระจกของเราสามารถสร้างความแตกต่างได้

ไฮไลต์
เรื่องราวของเรา

เราพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต เหมือนกับในปี 1932

ความยั่งยืน

ดูเพิ่มเติมว่ากระจกช่วยสนับสนุนการออกแบบที่ยั่งยืนได้อย่างไร

การควบคุมคุณภาพ

เรามุ่งมั่นเพื่อคุณภาพในทุกสิ่งที่เราทำ

ความช่วยเหลือและข้อมูลการติดต่อ

ความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา

ไฮไลต์
การวิเคราะห์กระจก

เข้าถึงชุดเครื่องมือทางวิศวกรรมและเครื่องมือเชิงวิเคราะห์อันครอบคลุมของเรา

อ็อบเจ็กต์ BIM

ดาวน์โหลดและใช้เนื้อหาจาก Guardian BIM มาตรฐานของเราเพื่อสร้างไฟล์ BIM เฉพาะโครงการ

การสัมมนาและการเรียนรู้ออนไลน์

สำหรับทุกคนที่สนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระจกและการใช้งานกระจก

ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

Salesforce Tower

ติดตั้งใช้จริง: กระจกประสิทธิภาพสูงและกระจกประหยัดพลังงาน

กระจกมีผลอย่างมากต่อการใช้พลังงาน ปริมาณแสงส่อง การดูดซับเสียง และความแข็งแรงของด้านหน้าอาคาร คุณสามารถเลือกใช้กระจกให้เหมาะกับโครงการของคุณได้โดยทำความเข้าใจแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้และนำไปใช้

ประสิทธิภาพของกระจก

กระจกมีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพด้านพลังงานของอาคาร ซึ่งส่งผลต่อทั้งปริมาณแสงธรรมชาติและการควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเราวัดประสิทธิภาพของกระจกดังต่อไปนี้

ค่า U

พารามิเตอร์ของกระจกที่แสดงถึงลักษณะการถ่ายเทความร้อนผ่านส่วนกลางของกระจก หรือไม่มีผลกระทบที่ขอบกระจก และแสดงความหนาแน่นในสภาวะคงตัวของอัตราการถ่ายเทความร้อนต่อความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างอุณหภูมิโดยรอบในแต่ละด้าน ค่าความแตกต่างของอุณหภูมิตามสภาวะทั่วไปคือ delta T=15K° ยิ่งค่าน้อย ก็ยิ่งกันอุณหภูมิได้ดี

ค่า U

ค่าตัวประกอบรังสีดวงอาทิตย์

อธิบายถึงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกระจก ยิ่งค่าน้อย พลังงานแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกระจกไปยังภายในอาคารก็ยิ่งน้อย

ค่าตัวประกอบรังสีดวงอาทิตย์

ปริมาณแสงส่อง

วัดเปอร์เซ็นต์ของแสงที่ตามองเห็น (ในระยะความยาวคลื่นที่ 380 nm ถึง 780 nm) ที่ส่องผ่านกระจก ยิ่งค่าสูง แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาภายในก็ยิ่งมาก

ปริมาณแสงส่อง

ความสามารถในการเลือกแสงส่อง

ค่าความสามารถในการเลือกแสงส่องคือค่าปริมาณแสงส่องหารด้วยค่าตัวประกอบรังสีดวงอาทิตย์ ยิ่งค่าสูง พื้นที่ที่สัมพันธ์กับประสิทธิภาพการควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ก็ยิ่งสว่าง

ความสามารถในการเลือกแสงส่อง

การเสริมสร้างการประหยัดพลังงาน

กระจกส่งผลต่อปริมาณแสงส่องและความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายให้แก่ผู้อยู่ภายในอาคารและช่วยให้ระบบ HVAC ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

กระจกประสิทธิภาพสูงที่มีความสามารถในการเลือกแสงส่องสูงสามารถช่วยให้อาคารในสภาพภูมิอากาศร้อนได้รับแสงธรรมชาติโดยไม่ทำให้อุณหภูมิภายในร้อนมากเกินไป หรือไม่จำเป็นต้องใช้ม่านบังแสงใดๆ และอาคารในสภาพภูมิอากาศหนาวก็ยังได้รับความร้อนที่ส่องผ่านกระจกที่มีค่าตัวประกอบรังสีดวงอาทิตย์สูงด้วย

การเคลือบกระจกด้วยค่า U น้อยทำให้กระจกมีคุณสมบัติในการกันอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้อุณหภูมิภายในอาคารคงที่ ไม่ว่าสภาพอากาศภายนอกจะเป็นอย่างไร

เรามีผลิตภัณฑ์กระจกสำหรับงานสถาปัตยกรรมมากมายหลายแบบ เพื่อให้ความสวยงามและการประหยัดพลังงานนั้นไปด้วยกันได้

เสียง

รอบตัวเราเต็มไปด้วยเสียงต่างๆ นานา น่าเสียดายที่หลายๆ เสียงที่ชวนผ่อนคลายอย่างเสียงนกร้องหรือเสียงหัวเราะกลับถูกกลบด้วยเสียงรบกวนที่ไม่ค่อยอยากได้ยินเท่าไรนัก องค์การอนามัยโลกกล่าวไว้ว่า เสียงรบกวนที่มากเกินไปนั้นทำอันตรายเราได้ โดยอาจรบกวนการนอนหลับ ก่อให้เกิดปัญหากับระบบหัวใจและจิตสรีรวิทยา และทำงานมีประสิทธิภาพน้อยลง 

เสียงจะถูกส่งผ่านกระจกเพราะโมเลกุลเหล่านี้บีบอัดกันเองและกระจายการบีบอัดนั้นเป็นคลื่น และกระจกสามารถสะท้อนและดูดซับเสียงรบกวนได้หลายระดับต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาของกระจกและวัสดุคั่นกลาง 

ความแข็งแรง

กระจกประสิทธิภาพสูงช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงได้ พร้อมทั้งมีความโปร่งใสและความสวยงามอีกด้วย วิดีโอนี้จะแสดงให้เห็นถึงความแปรผันของความแข็งแรงของกระจกชนิดต่างๆ

กระจกสำหรับงานสถาปัตยกรรมในสภาพดั้งเดิมนั้นล้วนเป็นกระจกธรรมดา แต่สามารถทนต่อการรับน้ำหนักเพิ่มได้โดยใช้การอบความร้อน ซึ่งเป็นการนำกระจกไปอบร้อนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ทำความเย็นที่บริเวณผิวกระจกโดยฉับพลันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบีบอัดอย่างถาวร โดยกระจกต้องตัดและผลิตเสร็จแล้วก่อนกระบวนการนี้ ซึ่งกระจกอบความร้อนนั้นมีอยู่สองชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • กระจกเทมเปอร์ ซึ่งแข็งแรงกว่ากระธรรมดา (ทั่วไป) ถึง 4 เท่า หากได้รับความเสียหาย กระจกเทมเปอร์ได้รับการออกแบบมาให้แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ และไม่คมมากนัก  กระจกเทมเปอร์ถือได้ว่าเป็นกระจกนิรภัย
  • กระจกกึ่งนิรภัย ซึ่งแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า หากได้รับความเสียหาย เศษของกระจกกึ่งนิรภัยนั้นมีโอกาสคงอยู่ในกรอบกระจกตามเดิมมากกว่ากระจกเทมเปอร์

อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมหรือหาแรงบันดาลใจว่ากระจกช่วยให้มีความสะดวกสบายและความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างไร